Bond Yield มีความสำคัญต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้อย่างไร

Bond Yield
Bond Yield

Bond Yield (รายได้จากตราสารหนี้) คือ ราคาสิ้นสุดของตราสารหนี้ (หรือราคาตลาดปัจจุบัน) ที่ถูกเสนอขายในตลาดล่วงหน้าหรือตลาดทองหล่อ ที่ระบุในรูปแบบร้อยละ (%) ต่อค่าตราสารเดิมที่ผู้ถือตราสารจ่ายเพื่อซื้อ นั่นคือBond Yieldคืออัตรารายได้ที่คุณจะได้รับจากการถือตราสารหนี้นั้นๆ โดยคำนวณจากราคาตลาดปัจจุบันและดอกเบี้ยที่ตราสารหนี้จ่ายBond Yieldสามารถใช้ในการวิเคราะห์การลงทุนในตราสารหนี้ โดยรายได้จากดอกเบี้ยที่มาจากBond Yieldจะเป็นการคำนวณที่สำคัญในการตัดสินใจลงทุนและจัดการพอร์ตการลงทุนในตลาดตราสารหนี้Bond Yieldสูงก็จะแสดงถึงความสูงของดอกเบี้ยที่ตราสารหนี้จ่าย, แต่นักลงทุนต้องระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงต่อราคาตราสารหนี้ที่มีBond Yieldสูง เนื่องจากราคาตราสารอาจลดลงเมื่อBond Yieldสูงขึ้น

ทำความรู้จักกับ Bond Yield

BondYield(รายได้จากตราสารหนี้) เป็นร้อยละ (%) ที่แสดงสัดส่วนระหว่างรายได้ดอกเบี้ยที่คุณจะได้รับจากการถือตราสารหนี้กับราคาตลาดปัจจุบันของตราสารหนี้นั้นๆ และมักถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์การลงทุนในตลาดตราสารหนี้ เราสามารถรู้ค่าBond Yieldโดยใช้สูตรต่อไปนี้

BondYield(%)=(Annual Interest PaymentCurrent Market Price)×100BondYield(%)=(Current Market PriceAnnual Interest Payment​)×100

  • Annual Interest Payment: คือ จำนวนเงินดอกเบี้ยที่ตราสารหนี้จ่ายให้กับผู้ถือตราสารในระยะเวลาหนึ่งๆ (รายปี) สำหรับตราสารหนี้ที่มีดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed-Rate Bond), ค่านี้จะคงที่ตลอดระยะเวลาความเป็นเจ้าของ
  • Current Market Price: คือ ราคาตลาดปัจจุบันของตราสารหนี้ ค่านี้เป็นราคาที่คุณจะจ่ายเพื่อซื้อตราสารหนี้ในตลาด

Bond Yieldสามารถใช้ในการประเมินราคาและความคุ้มค่าของการลงทุนในตราสารหนี้ การลดค่าBond Yieldอาจเกิดขึ้นเมื่อราคาตลาดของตราสารหนี้เพิ่มขึ้น หรือเมื่อราคาตลาดลดลงBond Yieldก็จะเพิ่มขึ้น นักลงทุนบางครั้งอาจใช้ค่าBond Yieldเป็นตัวบ่งชี้สำหรับระดับความเสี่ยงของการลงทุน ค่าBond Yieldสูงก็หมายความว่าตราสารหนี้นั้นมีดอกเบี้ยสูงแต่ก็มีความเสี่ยงในการลดราคาตลาดเมื่อBond Yieldขึ้นสูงขึ้น

Bond Yieldกับ เงินเฟ้อ

Bond Yieldและเงินเฟ้อ (Inflation) เป็นสองปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กันในการวิเคราะห์การลงทุนในตราสารหนี้ โดยมีความสัมพันธ์ดังนี้

  1. ผลกระทบของเงินเฟ้อต่อBond Yield: เมื่อมีการเพิ่มเงินเฟ้อ (Inflation) ค่าเงินจะลดลง ทำให้ซื้อสินค้าและบริการคุ้มค่าน้อยลงในอนาคต เนื่องจากดอกเบี้ยและดอกเบี้ยคงที่ที่ได้รับจากการถือตราสารหนี้อาจไม่เพียงพอเพื่อชดเชยค่าเงินที่มีการเสื่อมค่า ดังนั้น ผู้ลงทุนจะต้องการรายได้จากตราสารหนี้ที่มากกว่าเพื่อความเสถียรของการลงทุนในสภาวะเงินเฟ้อ
  2. การประเมินBond Yieldในสภาวะเงินเฟ้อ: เมื่อมีเงินเฟ้อสูง ผู้ลงทุนจะต้องการBond Yieldที่สูงขึ้นเพื่อความคุ้มค่าและเพื่อรักษาค่าเงินที่มีการเสื่อมค่าในอนาคต ในกรณีที่Bond Yieldมีค่าต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อผลเฉลี่ยการลงทุนในตราสารหนี้จะเสี่ยงต่อการสูญเสียความคุ้มค่าของเงิน
  3. การปรับสิ่งเหล่านี้ในการลงทุน: ผู้ลงทุนจะต้องพิจารณาการลงทุนในตราสารหนี้ในสภาวะเงินเฟ้อโดยพิจารณาค่าBond Yieldที่ให้มากพอเพื่อทำเงินคงค่าหรือหากไม่มีค่าBond Yieldที่มากพอแล้วจะต้องพิจารณาวิธีการคุ้มค่าเงินเพื่อสร้างรายได้เสริม เช่น การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีดอกเบี้ยแปลกปลอม (Inflation-Linked Bonds) หรือการลงทุนในทรัพย์สินที่มีค่าเพิ่มขึ้นในขณะเงินเฟ้อ

สรุปแล้ว ค่าBond Yieldและเงินเฟ้อมีความสัมพันธ์ทางการเงินเนื่องจากผลกระทบต่อการลงทุนและการรักษาค่าเงินในสภาวะเงินเฟ้อสูง ผู้ลงทุนจะต้องใช้Bond Yieldเป็นหนึ่งในพิจารณาในการลงทุนในตราสารหนี้ในสภาวะเงินเฟ้อ

Bond Yield

ทำไมBond Yieldถึงมีความสำคัญต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้

Bond Yieldมีความสำคัญต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้

  1. รายได้ตลอดกาล: ตราสารหนี้มักมีรายได้จากดอกเบี้ยแบบประจำที่ติดตามBond Yieldตลอดระยะเวลาที่ถือตราสาร นี่คือที่มาของรายได้สำหรับผู้ลงทุน โดยส่วนใหญ่มักจะเสมือนรายได้ที่มั่นคงและเสถียรกว่าหุ้น
  2. เครื่องมือในการแบ่งปันความเสี่ยง: การลงทุนในตราสารหนี้ช่วยลดความเสี่ยงทางการลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้น โดยBond Yieldที่คงที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนรู้ว่าพวกเขาจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเท่าใดจากการถือตราสาร แม้กระนั้นความเสี่ยงในการเสียเงินด้วยเงินลงทุนหลักยังขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงราคาตราสารในตลาดรอนแรม
  3. บันทึกค่าตลาด: ค่าBond Yieldมักถูกบันทึกและแจ้งในตลาดอย่างเปิดเผย ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถดูแลและประเมินค่าตลาดของตราสารหนี้ได้ง่าย และมีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจการลงทุน.
  4. เครื่องมือในการวางแผนการลงทุน: Bond Yieldช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนในตราสารหนี้ได้อย่างมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีค่าตรงรองรับระดับค่าเงินที่คงที่ ผู้ลงทุนสามารถเลือกตราสารที่มีBond Yieldสูงขึ้นหรือต่ำลงในสัดส่วนที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงของพวกเขา.
  5. สัญญาความเสี่ยงและรางวัล: Bond Yieldส่วนใหญ่จะสูงขึ้นเมื่อรับรู้ว่าตราสารมีความเสี่ยงสูงขึ้น ผู้ลงทุนที่เสี่ยงต่ำจะต้องพร้อมรับค่าBond Yieldที่ต่ำลง แต่มีความมั่นใจในการรักษาเงินลงทุนของพวกเขา ในทางกลับกัน การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงอาจพบBond Yieldสูงขึ้นเป็นสัญญาค่าตอบแทนที่สูงและผู้ลงทุนรายย่อยอาจพยายามดึงดูดค่าBond Yieldสูงเพื่อความเสี่ยงและรางวัลที่มากขึ้น

ในสรุปBond Yieldมีความสำคัญต่อการลงทุนเนื่องจากมันเป็นตัวบ่งชี้รายได้ที่คาดหวัง และเป็นเครื่องมือในการคำนวณและวางแผนการลงทุนในตลาดตราสารหนี้อย่างมีเสถียรภาพ ผู้ลงทุนสามารถใช้Bond Yieldเพื่อบริหารความเสี่ยงและเลือกตราสารหนี้ที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุนของพวกเขาสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ napasechnik.com

เครดิต